ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์แบบเม็ดเป็นปุ๋ยที่นิยมใช้กันทั่วไป อย่างไรก็ตาม เกษตรกรจำนวนมากอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้ปุ๋ยชนิดนี้ ซึ่งอาจส่งผลให้ปุ๋ยมีประสิทธิภาพต่ำลงและอาจส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของพืชได้
เกษตรกรจำนวนมากเชื่อว่าการใช้ปุ๋ยมากขึ้นจะช่วยเพิ่มผลผลิตได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ปุ๋ยเม็ดโพแทสเซียมคลอไรด์มากเกินไปจะทำให้เกิดการสะสมของเกลือในดิน ยับยั้งการเจริญเติบโตของราก และท้ายที่สุดก็ส่งผลต่อสุขภาพของพืช
การใช้โพแทสเซียมคลอไรด์ควรทำในช่วงที่พืชกำลังเจริญเติบโต หลายคนมักละเลยช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้พืชไม่สามารถดูดซึมปุ๋ยได้เต็มที่
ปริมาณสารอาหารของดินแต่ละแปลงแตกต่างกัน การใช้ปุ๋ยเม็ดโพแทสเซียมคลอไรด์โดยไม่ไตร่ตรองอาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของดินได้ ขอแนะนำให้ทำการทดสอบดินทุกปีและกำหนดแผนการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การใส่ปุ๋ยที่ดีที่สุด เกษตรกรควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้:
ดำเนินการทดสอบธาตุอาหารในดินปลูกทุกปีเพื่อทำความเข้าใจปริมาณโพแทสเซียมคลอไรด์และธาตุอาหารอื่นๆ และกำหนดแผนการใส่ปุ๋ยตามสภาพดินจริง
ปริมาณโพแทสเซียมคลอไรด์ที่ควรใช้จะคำนวณตามผลการทดสอบดินและความต้องการของพืช โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ปริมาณระหว่าง 80-120 กิโลกรัมต่อหน่วยพื้นที่ และควรปรับปริมาณให้เหมาะสมตามระยะการเจริญเติบโตของพืช
การนำไปใช้ในช่วงที่สำคัญของการเจริญเติบโตของพืช เช่น ช่วงออกรวงหรือขยายผล จะช่วยเพิ่มการดูดซึมโพแทสเซียมคลอไรด์ของพืช และปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพให้ดีขึ้น
คุณสามารถเลือกที่จะโรยปุ๋ย ผสมกับปุ๋ย หรือหยดปุ๋ยเพื่อให้แน่ใจว่าปุ๋ยกระจายอย่างทั่วถึง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ย
ควรใช้ปุ๋ยเม็ดโพแทสเซียมคลอไรด์ร่วมกับปุ๋ยชนิดอื่นๆ เช่น ปุ๋ยไนโตรเจนและปุ๋ยฟอสฟอรัสในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการดูดซึมธาตุอาหารของพืชอย่างครอบคลุม และเพิ่มผลผลิตโดยรวมของพืชผลได้
การนำเม็ดโพแทสเซียมคลอไรด์ไปใช้ในเชิงวิทยาศาสตร์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงผลผลิตและคุณภาพของพืชผล เกษตรกรสามารถลดการสูญเสียและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการทำความเข้าใจความเข้าใจผิดที่พบบ่อยและแนวทางการใช้ที่ถูกต้อง