สุขภาพของดินส่งผลโดยตรงต่อผลผลิตและคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร การรักษาโครงสร้างของดินให้ดีและมีสารอาหารเพียงพอจะช่วยให้พืชเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง ดังนั้น การเลือกปุ๋ยที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการการเกษตรอย่างยั่งยืน
ปุ๋ยอินทรีย์สกัดจากวัสดุธรรมชาติ เช่น เศษซากสัตว์และพืช และปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์อุดมไปด้วยอินทรียวัตถุและจุลินทรีย์ และสามารถปรับปรุงโครงสร้างของดิน ทำให้ดินมีความสามารถในการซึมผ่านอากาศและกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในระยะยาวสามารถเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดินได้อย่างมาก และยังส่งเสริมกิจกรรมและความหลากหลายของจุลินทรีย์อีกด้วย
การทดลองทางวิทยาศาสตร์และกรณีศึกษาภาคสนามแสดงให้เห็นว่าปุ๋ยอินทรีย์ช่วยปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินได้ดีเยี่ยม ตัวอย่างเช่น ในการทดลองปลูกข้าวโพด แปลงที่ใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มผลผลิตได้ 15% เมื่อเทียบกับแปลงที่ใช้ปุ๋ยเคมี
ปุ๋ยอนินทรีย์หรือที่เรียกว่าปุ๋ยแร่ธาตุมีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และธาตุอาหารจำเป็นอื่นๆ ในปริมาณสูงสำหรับพืช ปุ๋ยเหล่านี้ออกฤทธิ์เร็วและควบคุมง่าย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เมื่อต้องการเพิ่มธาตุอาหารอย่างรวดเร็ว
การปฏิบัติทางการเกษตรหลายปีได้พิสูจน์แล้วว่าปุ๋ยอนินทรีย์สามารถเพิ่มผลผลิตพืชผลได้อย่างมากในระยะสั้น จากการศึกษาในทุ่งนา พบว่าการใช้ปุ๋ยอนินทรีย์อย่างสมเหตุสมผลสามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้ 20%
การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยอนินทรีย์ร่วมกันสามารถรวมข้อดีของทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงโครงสร้างของดินเท่านั้น แต่ยังเติมสารอาหารได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ในการใช้งานเฉพาะ ควรใช้ปุ๋ยทั้งสองชนิดให้เหมาะสมตามผลการทดสอบดินและความต้องการของพืช
การจัดการดินอย่างยั่งยืนไม่ได้มุ่งเน้นแค่การปรับปรุงผลผลิตในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพของดินในระยะยาวด้วย การใช้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างต่อเนื่องสามารถเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดินได้ ในขณะที่การควบคุมการใช้ปุ๋ยอนินทรีย์อย่างมีเหตุผลสามารถหลีกเลี่ยงการเกิดเกลือในดินและการอัดตัวของดินได้
การเลือกปุ๋ยที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อสุขภาพของดินและความยั่งยืนของภาคเกษตรกรรม เกษตรกรและผู้ที่ชื่นชอบการทำสวนควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์และอนินทรีย์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์และเหมาะสมตามสภาพดินและความต้องการของพืชเฉพาะเจาะจงเพื่อให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่ดีที่สุดและปกป้องดินได้ดีที่สุด